รื่อเจ้ากำลังก้าวสู่เป้าหมายของการเป็น “ศูนย์กลางการค้าส่งไม้ระดับโลก”

 ให้ “ไม้ที่ผ่านทาง” เติบโตเป็น “รากฐานอุตสาหกรรม”!

รื่อเจ้ากำลังก้าวสู่เป้าหมายของการเป็น “ศูนย์กลางการค้าส่งไม้ระดับโลก”!

ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงของรื่อเจ้า ท้องฟ้าสดใสและทะเลสีคราม คลื่นซัดสลับกับน้ำสงบ เมื่อวันที่ 5 กันยายน เรือ “Otago Bay” ที่บรรทุกไม้สนเรดวู้ด (Radiata Pine) กว่า 53,000 ลูกบาศก์เมตร เคลื่อนเข้าสู่ท่าเรือหลันซาน (Lanshan Port) อย่างช้า ๆ ด่านศุลกากรรื่อเจ้าจึงได้เปิดใช้งานระบบระบุไม้ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Wood Identification System) ทำการตรวจสอบอย่างมีประสิทธิภาพและอนุญาตให้ผ่านเข้าออกได้ทันที

ปัจจุบัน ฉากเช่นนี้กลายเป็นเรื่องปกติที่ท่าเรือรื่อเจ้า มณฑลซานตง ในฐานะท่าเรือศูนย์กลางสำคัญของโครงการ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” รื่อเจ้าใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงตลาดทั้งในและต่างประเทศ สร้างเส้นทางธรรมชาติสำหรับธุรกิจนำเข้าไม้ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ท่าเรือรื่อเจ้าได้นำเข้าต้นไม้ดิบกว่า 7 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดของประเทศ แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากตลาดไม้ก่อสร้างแบบดั้งเดิมที่ซบเซา แต่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในฐานะหนึ่งในท่าเรือนำเข้าต้นไม้ดิบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ความสำเร็จของธุรกิจไม้ที่ท่าเรือรื่อเจ้าไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ นอกจากข้อได้เปรียบเฉพาะตัวของท่าเรือแล้ว ยังขึ้นอยู่กับตรรกะเชิงลึกในการเปลี่ยนข้อได้เปรียบของท่าเรือให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ท่าเรือรื่อเจ้าผสมผสานการใช้ศูนย์กลางท่าเรือเพื่อเปิดเส้นทางทรัพยากรไม้ระดับโลก กับการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครันและบริการเชิงนวัตกรรม ทำให้ “ปริมาณการไหลของท่าเรือ” กลายเป็น “การเติบโตของอุตสาหกรรม” วางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมไม้ของรื่อเจ้าในคุณภาพสูง

ในฐานะศูนย์กลางการรับส่งไม้ที่สำคัญของประเทศ ท่าเรือหลันซาน (Lanshan Port) ของท่าเรือรื่อเจ้ามีท่าเทียบเรือไม้เฉพาะกิจ 6 แห่ง และคลังไม้รมควันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยมีความสามารถในการรมควันไม้ได้ถึง 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี อาศัยรูปแบบการให้บริการห่วงโซ่อุปทาน “ท่าเรือด้านหน้า–สวนอุตสาหกรรมด้านหลัง” ท่าเรือรื่อเจ้าร่วมมือกับกลุ่มโลจิสติกส์ ผู้ค้า และบริษัทแปรรูปไม้ สร้างช่องทางโลจิสติกส์ไม้รูปแบบใหม่ “นำเข้าจากต่างประเทศ—เก็บและรมควัน—ขนส่งทางบก (และแม่น้ำภายใน)—แปรรูปในสวนอุตสาหกรรม” มอบบริการแบบ “ครบวงจร” ที่มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายแก่ลูกค้า

ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมแบบวนซ้ำ รื่อเจ้ากลายเป็นไม่เพียงแค่ประตูสำคัญในการนำเข้าท่อนไม้เท่านั้น แต่ยังเป็น “แหล่งอุดม” สำหรับการแปรรูปไม้ระดับลึก

ผลิตภัณฑ์ไม้ที่ทำอย่างประณีตไม่เพียงเปลี่ยนจาก “ไม้” เป็น “ทองคำ” เท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างคึกคักของอุตสาหกรรมไม้ทั้งเขตหลานซาน และสะท้อนให้เห็นถึงการขยายและก้าวข้ามของห่วงโซ่อุตสาหกรรมไม้ในรื่อเจ้าอย่างครบวงจร

ในฐานะที่หลานซานเป็นเขตศูนย์กลางของอุตสาหกรรมไม้ในเมืองรื่อเจ้า โดยอาศัยข้อได้เปรียบที่โดดเด่นในการนำเข้าท่อนไม้จากท่าเรือ เขตนี้ได้ทำการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมไม้ขึ้นอย่างรอบคอบ ส่งเสริมให้บริษัทแปรรูปไม้เปลี่ยนจากการแปรรูปขั้นพื้นฐานและระดับต้นไปสู่ผลิตภัณฑ์ขั้นสูงและปลายทาง จนเกิดเป็นอุตสาหกรรมหลักสี่ประเภท ได้แก่ บริษัทแปรรูปไม้ขั้นต้น บริษัทแปรรูปแผ่นไม้ชนิดเม็ด บริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์ (และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้าน) และบริษัทอบไม้

ในกระบวนการยกระดับอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการแปรรูปไม้ขั้นต้นในเมืองรื่อเจ้าก็ได้ปรับตัวอย่างเชิงรุก ส่งผลให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมไม้ขยายตัวไปสู่ “การแปรรูปเชิงลึกขั้นปลายและผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่า” จนถึงปัจจุบัน มีบริษัทผู้ผลิตวัสดุสำหรับสวนกลางแจ้งและอาคารโบราณในเมืองทั้งหมด 12 แห่ง และบริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ในบ้านมากกว่า 30 แห่ง พร้อมทั้งส่งเสริมแนวทาง “รวมกลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ่เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง” จากมุมมองของขนาดอุตสาหกรรม ความสามารถในการแปรรูปไม้ของเมืองรื่อเจ้ามีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในเขตหลานซานที่มีเขตแปรรูปขนาดใหญ่รวมทั้งหมด 7 แห่ง และมีความสามารถในการแปรรูปไม้ต่อปีสูงถึง 6 ล้านลูกบาศก์เมตร

ตามที่นายจวง ซินหยุน ผู้อำนวยการสำนักงานอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเขตหลานซาน ระบุ การนำเข้าไม้ของเขตหลานซานส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ เช่น นิวซีแลนด์ แคนาดา และรัสเซีย โดยมากเป็นไม้สนเรดวูด (มากกว่า 80%) ผลิตภัณฑ์แปรรูปไม้ขั้นต้นครอบคลุมทั้งไม้สี่เหลี่ยมก่อสร้าง ไม้โครงไม้เฟรม เฟอร์นิเจอร์เด็กไม้สนเรดวูด เฟอร์นิเจอร์ไม้จริง และไม้ป้องกันปลวก ฯลฯ ซึ่งสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สมบูรณ์แบบ “นำเข้าไม้ — เลื่อยตัด (สับ) — อบไม้ — แปรรูปเชิงลึก — ใช้ประโยชน์จากเศษไม้ (ฟืน)” จนถึงเดือนกรกฎาคม ปริมาณธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมไม้ของเขตนี้ได้พัฒนาไปถึง 95 แห่ง มีมูลค่าผลผลิตรวม 2,930 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน

การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมไม้ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจท่าเรือ คลังสินค้าและโลจิสติกส์ การขนถ่ายและการขนส่ง อุตสาหกรรมอาหาร และธุรกิจให้เช่าในเขตนี้พัฒนาไปควบคู่กัน ทำให้อุตสาหกรรมไม้สามารถสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สมบูรณ์แบบ ครอบคลุมตั้งแต่การนำเข้าท่อนไม้ การแปรรูปเชิงลึก ไปจนถึงการส่งออกผลิตภัณฑ์ขั้นปลาย (โดยคำนึงถึงตลาดภายในประเทศด้วย)

การสำรวจพัฒนาอุตสาหกรรมไม้ของเมืองรื่อเจ้าไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ — ยกตัวอย่างเช่น เมืองเป่ยกั๋วในเขตหลานซาน ซึ่งเต็มไปด้วยบริษัทแปรรูปไม้ในพื้นที่นั้น กำลังตั้งเป้าหมาย “สร้างคลัสเตอร์นวัตกรรมอุตสาหกรรมไม้สีเขียวและอัจฉริยะระดับชาติ” และดำเนินโครงการ “เสริมสร้างและเติมเต็มห่วงโซ่ อำนวยพลังด้วยนวัตกรรม การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และสร้างแบรนด์สู่ต่างประเทศ” เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับอุตสาหกรรม เพิ่มระดับการแปรรูปเชิงลึก พัฒนาบริษัทคุณภาพสูง และมุ่งสู่การเป็นฐานสาธิตการผลิตไม้สีเขียวอัจฉริยะชั้นนำของประเทศ

ระหว่างวันที่ 4–6 กันยายน พ.ศ. 2568 การประชุมโลกด้านไม้และผลิตภัณฑ์ไม้จัดขึ้นที่เมืองรื่อเจ้า ซึ่งเป็นครั้งที่สามติดต่อกันที่รื่อเจ้าจัดการประชุมโลกด้านไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ งานนี้ไม่เพียงแต่สร้างเวทีให้กับอุตสาหกรรมไม้ทั่วโลกในการแลกเปลี่ยนความร่วมมือและค้นหาโอกาสร่วมกันเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพทางอุตสาหกรรมและเสน่ห์ของเมืองรื่อเจ้าให้โลกได้รับรู้ด้วย

รองอธิบดีศุลกากรประจำท่าเรือรื่อเจ้า นายเฉินสือกง กล่าวว่าการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ระบบระบุไม้แบบอัจฉริยะ “เจี้ยนมู่” มาผสมผสานกับมาตรการอำนวยความสะดวก เช่น “การยื่นเอกสารสองขั้นตอน” และ “การนัดหมายตรวจสอบ” ทำให้ท่าเรือรื่อเจ้าช่วยประหยัดเวลาให้กับผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก และดึงดูดผู้ค้าส่งไม้ทั้งในและต่างประเทศมารวมตัวกัน ส่งผลให้อุตสาหกรรมแปรรูปไม้ในพื้นที่โดยรอบเมืองรื่อเจ้า เช่น หลินอี้ เว่ยฟาง และเหลียนอวิ๋นกัง มีแนวโน้มพัฒนาแบบคลัสเตอร์ ในปีนี้ ท่าเรือรื่อเจ้ามีการนำเข้าท่อนไม้สดจาก 30 ประเทศ (และภูมิภาค) รวม 35 ชนิด เช่น นิวซีแลนด์ และแคนาดา

มุ่งสู่ทะเล เติบโตไปพร้อมกับสีเขียว เมืองรื่อเจ้ากำลังเขียนบทใหม่ของการพัฒนาอุตสาหกรรมไม้คุณภาพสูงด้วยท่าทีที่เปิดกว้างและสร้างสรรค์ พร้อมก้าวอย่างมั่นคงไปสู่เป้าหมาย “ศูนย์กลางการค้าระดับโลกด้านไม้” และ “ศูนย์กลางการแปรรูปไม้”