ชาใบใหม่หอมสดช่วยเพิ่มรายได้เกษตรกร เขตตงก่างเริ่มเก็บเกี่ยวชาใบแรกกว่า 1 แสนหมู่
สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดโชย กลิ่นหอมของใบชาลอยอบอวลทั่วทุ่ง อีกหนึ่งฤดูเก็บเกี่ยวใบชาที่กำลังคึกคัก เมื่อเช้าวันที่ 10 เมษายน ณ สวนชาหมู่บ้านต้าจูหยวน ตำบลโฮ่วชุน เขตตงก่าง ต้นชาที่ปลูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เขียวขจีสดใส ยอดชาอ่อนเพิ่งผลรับแสงแดดอ่อน ๆ ของฤดูใบไม้ผลิอย่างมีชีวิตชีวา
ชาวสวนชาแต่งกายด้วยหมวกสาน
คาดตะกร้าไว้ที่เอว ใช้ปลายนิ้วพลิ้วไหวอย่างคล่องแคล่วระหว่างพุ่มชา
เก็บยอดอ่อนใบแรกก่อนเทศกาล'กู่อวี่'ด้วยความตั้งใจ เพื่อให้ 'ความเขียวสดแรกของฤดูใบไม้ผลิ' ได้ส่งตรงถึงตลาดอย่างรวดเร็ว
สร้างรายได้และบรรยากาศสดชื่นในช่วงฤดูเก็บชาอีกครั้ง
"จิบชาฤดูใบไม้ผลิหนึ่งคำ สดชื่นเกินบรรยาย
ยิ่งกว่าสายลมเดือนเมษายน" ชาเขียวรื่อจ้าว ขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพอันโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ คุณเซิ่ง
เจิ้งรุ่ย ผู้บริหารโรงงานชาอวิ๋นซงซาน
เปิดเผยว่า "หลังจากผ่านช่วงเทศกาลชิงหมิง
และใกล้เข้าสู่เทศกาลกู่อวี่ อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น
ทำให้สวนชากลางแจ้งในตำบลโฮ่วชุนทยอยเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลานี้
ใบชาสะสมสารอาหารมาตลอดฤดูหนาว อุดมไปด้วยโพลีฟีนอลและกรดอะมิโน
จึงทำให้ชาเขียวรื่อจ้าวมีรสชาติกลมกล่อม ละมุนลิ้น ทนต่อการชงหลายครั้ง
น้ำชามีสีเขียวนวลใส กลิ่นหอมอบอวลอย่างโดดเด่น
นายเจิ้ง เจียฝ่า ชาวสวนชาจากหมู่บ้านต้าจูหยวน
กล่าวด้วยความดีใจว่า "ในปีนี้คุณภาพของใบชายอดเยี่ยมมาก สามารถเก็บได้วันละประมาณประมาณ
1-1.5 กิโลกรัม ใบชาสดที่เก็บได้จะถูกนำส่งทันที และราคาก็สมเหตุสมผลมาก"ภายในตะกร้าของเขา
เต็มไปด้วยใบชาสดใหม่ สีเขียวนวลสดใส ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ
ของใบชาอบอวลอย่างเป็นธรรมชาติ
นายเซิ่ง เจิ้งรุ่ย กล่าวว่า "ใบชาสดที่เก็บเกี่ยวได้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นยอดหนึ่งใบหรือยอดหนึ่งใบสองใบ
ซึ่งต้องผ่านกระบวนการคัดแยกอย่างพิถีพิถัน ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการผึ่งใบชา
การฆ่าเชื้อ การนวด การอบแห้ง และการคั่วให้เป็นชารูปเส้น เพื่อคงคุณค่าทางโภชนาการและกลิ่นหอมของใบชาในทุก ๆ ใบ" เพื่อรักษาคุณภาพและชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์
ทางโรงงานได้ลงนามความร่วมมือกับชาวสวนชามากกว่า 2,000 ครัวเรือน ในหมู่บ้านโดยรอบ โดยจะรับซื้อใบชาสดจากชาวสวนทันทีหลังเก็บเกี่ยว
พร้อมให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การดูแลสวนชา การเก็บเกี่ยว การแปรรูป
ไปจนถึงการจำหน่าย เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ซึ่งคาดว่าชาวสวนจะมีรายได้ต่อไร่ประมาณ
10,000 ถึง 20,000 หยวนเลยทีเดียว
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
นายเซิ่ง เจิ้งรุ่ย ได้เดินทางไปยังฐานการปลูกชาของโรงงานชาเวโรน่า รื่อจ้าว เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับรุ่นพี่ในวงการอย่าง นายเฉิน ลี่อิ๋ง นายเฉิน ลี่อิ๋ง เล่าว่า"พวกเราให้ความสำคัญกับการจัดการสวนชาแบบระบบนิเวศ
ด้วยการปลูกชาในรูปแบบ ‘แปลงปลูกระยะพอดี
ความสูงพอเหมาะ’และใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่ผลิตจากมูลแพะ
มูลวัว ตลอดจนปลูกพืชให้น้ำหวาน เพื่อคงไว้ซึ่งกลิ่นหอมตามธรรมชาติของใบชา" นับตั้งแต่เริ่มปลูกชามาตั้งแต่ปี
1987 นายเฉินยังคงยึดมั่นในการพัฒนาและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดได้มีการนำเข้าสายพันธุ์ชาใหม่ เช่น จงไป๋หมายเลข 1 และ จินมู่ตาน ในขณะเดียวกัน
ก็เชี่ยวชาญเทคนิคการคั่วชา โดยจะชิมชาซ้ำ ๆ หลายครั้งในทุกหม้อที่คั่ว
เพื่อหาข้อบกพร่องและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผ่านกระบวนการทดลองนับครั้งไม่ถ้วน
ใช้เหงื่อและความตั้งใจจริงในการผลักดันธุรกิจสีเขียวบนผืนแผ่นดินแห่งนี้ให้เติบโตมั่นคง
เมืองรื่อจ้าวถือเป็นแหล่งผลิตชาเขียวชายฝั่งทะเลที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของจีน ด้วยสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอันอุดมสมบูรณ์
จึงก่อเกิดชาเขียวรื่อจ้าวที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น นับตั้งแต่ทศวรรษ
1960 ที่เริ่มประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการ"นำชาภาคใต้ขึ้นปลูกทางเหนือ"ผ่านมากว่าครึ่งศตวรรษ
การปลูกชาได้หยั่งรากเติบโตเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่แห่งนี้อย่างมั่นคง เขตตงก่างไม่เพียงยึดมั่นในแนวทางการเพาะปลูกที่ผสมผสานระหว่าง
ภูมิปัญญาแบบดั้งเดิม กับ นวัตกรรมสมัยใหม่ เท่านั้น
แต่ยังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมชาให้ก้าวสู่ความทันสมัยมากขึ้น ทั้งการขยายช่องทางการตลาดผ่านระบบ
อีคอมเมิร์ซ การจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านชา
การพัฒนาและผลิตเครื่องจักรกลด้านชา ตลอดจนขยายห่วงโซ่อุตสาหกรรม เพิ่มคุณค่า
และสร้างอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ปัจจุบัน
เขตตงก่างได้กลายเป็นแหล่งผลิตชาเขียวขนาดใหญ่
สนับสนุนการฟื้นฟูชนบทอย่างเป็นรูปธรรม จากสถิติในปี 2024 เขตตงก่างมีพื้นที่ปลูกชาถึง 10.2หมื่นหมู่ ผลผลิตต่อปี 6,500
ตัน สร้างมูลค่ารวมกว่า 1,350
ล้านหยวน ปัจจุบัน
มีบริษัทและโรงงานผลิตแปรรูปและจำหน่ายชากว่า 300 แห่ง ชาวสวนและผู้ประกอบการชา
ต่างมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจชาอย่างหลากหลาย เพื่อให้แผ่นดินแห่งนี้ไม่เพียงเขียวขจี
แต่ยังสร้างรายได้งอกงามควบคู่กันไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น